สร้างความชุ่มชื้นให้ผิวคุณแม่ตั้งครรภ์

จะเห็นได้ว่าในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่จะมีปัญหาผิวที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ตัวการสำคัญคือฮอร์โมนสูงขึ้น ทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ส่งผลให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์

1.ผิวผื่นแดงแสบคัน คุณแม่ควรบำรุงด้วยครีมหรือโลชั่นที่เป็นสูตรธรรมชาติและมีความอ่อนโยนต่อผิว อาจส่งผลต่ออาการแพ้ท้องได้ หากมีผื่นแดงขึ้นกระจายเป็นวงกว้างหรือมีลักษณะเป็นตุ่มๆ จนดูผิดปกติ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างตั้งครรภ์

2.ผิวหมองคล้ำ โดยเฉลี่ยแล้ว 90% คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีสีผิวที่เข้มกว่าเดิม เช่น บริเวณรักแร้ คอ เส้นกลางหน้าท้อง ปัญหาเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนที่คอยกระตุ้นให้สีผิวเข้มขึ้นกว่าเดิม แก้ไขปัญหาได้ด้วยการพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด และใช้ครีมบำรุงผิวปรับสภาพผิวให้กลับสู่สภาพเดิม

3.ผิวขาดน้ำ ปกติแล้วคุณแม่หลังคลอดจะเผชิญกับภาวะผิวขาดน้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากร่างกายจะมีการขับเอาน้ำที่สะสมในระหว่างตั้งครรภ์ออกไป จึงทำให้อาการบวมน้ำของร่างกายคุณแม่น้อยลง และส่งผลต่อสุขภาพผิว แก้ไขได้ด้วยการเติมน้ำให้ผิว พยายามดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อเป็นการทดแทนน้ำในร่างกายที่เสียไป

4.ผิวหย่อนคล้อย แก้ไขได้ด้วยการออกกำลังกายที่ช่วยกระชับผิว ควรออกกำลังกายแบบเบาๆ เช่น เดินช้าๆ หรือเล่นโยคะ เพราะจะช่วยความกระชับให้กล้ามเนื้อท้อง กล้ามเนื้อต้นขา และช่วยความแข็งแรงให้ผิวหนัง

5.ผิวแตกลาย ช่วงตั้งครรภ์ผิวคุณแม่จะเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยตามขนาดตัวของทารกในครรภ์ จึงทำให้เกิดผิวแตกลายตามมา สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้ครีมทาท้องทาย เพื่อเป็นการคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และแก้ไขปัญหาผิวแตกลายได้ดี

6.ผิวไวต่อแสง ถ้าจำเป็นต้องทำงานนอกบ้าน และต้องเจอกับแสงแดดบ่อยๆ อาจทำให้ผิวดำคล้ำ เป็นรอยด่าง รอยดำ ผิวไวต่อแสงเป็นเพราะฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์พุ่งพล่าน ทำให้ผิวไวต่อแสงเป็นพิเศษ ถ้ามีปัญหานี้ควรทาผิวที่มีสารกันแดด SPF 30 ขึ้นไป

ครีมทาผิวคนท้อง Zeblanc ผลิตภัณฑ์สำหรับคุณแม่ ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับผิวหน้าระหว่างตั้งครรภ์ และได้พบว่า ครีมบำรุงผิวหน้าเกือบ 100% จะมีสารบางอย่างที่ไม่เหมาะกับคนท้อง จึงได้ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง จนพัฒนามาเป็นสูตรผลิตภัณฑ์ที่ลงตัว ด้วยส่วนประกอบที่ปลอดภัย ไม่มีสารระคายเคือง ไม่มีสารต้องห้ามในช่วงตั้งครรภ์ และให้นมบุตร และที่สำคัญยังเห็นผลชัดเจน กับทุกปัญหาผิวในช่วงตั้งครรภ์อีกด้วย

ทำประกันเดินทางท่องเที่ยวอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด

การเดินทางท่องเที่ยวถือเป็นประสบการณ์พิเศษที่น่าตื่นเต้นที่จะพาคุณได้เดินทางไปพบกับประสบการณ์ใหม่ๆ แต่ในการเดินทางก็มีบางครั้งที่อาจเกิดเหตุฉุกเฉินหรือปัญหาต่างๆ ได้ ซึ่งหนึ่งในตัวช่วยที่ดีเพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงเหล่านั้นนั่นคือการทำ ประกันเดินทาง แต่การทำประกันเดินทางท่องเที่ยงก็ควรที่จะต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและความครอบคลุมของคุณเป็นหลักด้วย ด้วยความสำคัญของเรื่องนี้ บทความนี้จะพามาเรียนรู้วิธีการทำประกันเดินทางท่องเที่ยวให้คุ้มค่าที่สุดว่ามีวิธีอะไรบ้าง

เลือกประเภทของประกันที่เหมาะสม

ก่อนอื่นให้คุณทำการศึกษาและเปรียบเทียบระหว่างแผนประกันที่มีอยู่หลายแบบ เช่น ประกันการเดินทางส่วนบุคคล ประกันการเดินทางกลุ่ม หรือประกันการเดินทางสำหรับครอบครัว เพื่อให้คุณเลือกแผนที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ

ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ

คุณควรตรวจสอบว่าแผนประกันที่คุณเลือกมีการคุ้มครองสำหรับการรักษาสุขภาพและค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินหรือการบาดเจ็บขณะเดินทาง นอกจากนี้คุณควรเสนอคำถามเกี่ยวกับการคุ้มครองสำหรับการเดินทางในกรณีที่คุณต้องการพักอาศัยในโรงพยาบาลหรือต้องการการคลอดบุตรภายในช่วงเวลาเดินทาง

ความคุ้มครองสำหรับทรัพย์สินส่วนบุคคล

ในกรณีที่คุณต้องการความคุ้มครองสำหรับทรัพย์สินส่วนบุคคล เช่น กระเป๋าเดินทางหายหรือถูกขโมย คุณควรตรวจสอบว่าประกันที่คุณเลือกมีการคุ้มครองสำหรับสิ่งของส่วนตัวหรือไม่ และทรัพย์สินอื่นๆ ที่คุณจะนำไปในเดินทาง

เช็คเงื่อนไขและข้อยกเว้น

การทำประกันเดินทางท่องเที่ยวมีข้อตกลงและเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตาม คุณควรอ่านรายละเอียดให้ละเอียดเพื่อทราบถึงข้อยกเว้นและข้อจำกัดที่อาจมีอยู่ เช่น การไม่คุ้มครองในกรณีที่เกิดจากการกระทำที่ไม่ถูกต้อง หรือการขาดความสะดวกสบายที่เกิดขึ้นจากเหตุสุดวิสัย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครอง

หากคุณยังมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองหรือเงื่อนไขของการทำประกันเดินทาง คุณควรติดต่อผู้ให้บริการประกันเพื่อขอคำแนะนำและคำปรึกษาในเรื่องนี้ อย่าลังเลที่จะถามคำถามเพิ่มเติมเพื่อให้คุณมั่นใจว่าคุณเลือกแผนประกันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเดินทางของคุณ

การทำประกันเดินทางท่องเที่ยวเป็นการลงทุนในความปลอดภัยและความสบายใจของคุณในระหว่างการเดินทาง โดยความคุ้มค่าของการทำประกันเดินทางท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับแผนประกันที่คุณเลือก การศึกษาและการเปรียบเทียบระหว่างแผนประกันที่มีอยู่ และการสอบถามคำถามที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณทำเลือกที่ถูกต้องและทำประกันเดินทางท่องเที่ยวให้คุ้มค่าที่สุด

แก้ปัญหาตาไม่เท่ากัน ด้วยศัลยกรรมตาสองชั้น

ปัญหาเกี่ยวกับตาสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย ตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน การทำตาสองชั้นก็เป็นอีกตัวช่วยตัวช่วยที่แก้ปัญหาได้ ศัลยกรรมตาสองชั้นเป็นกระแสที่ไม่เคยตกเทรนด์ ในทุกวันนี้ก็มีเทคนิคใหม่ๆ ที่ช่วยให้แก้ปัญหาของชั้นตาได้

เทคนิคทำตาสองชั้น ที่นิยมในคนไทย
เทคนิค ทำตาถึงแม้จะมีหลายชื่อ ที่ทำให้สับสน แต่จริง ๆ แล้วก็มี 3 วิธีหลัก ๆ เท่านั้นเองค่ะ ที่นิยมทำในคนไทย

1.วิธีเย็บ (suturing technique)
วิธีนี้เป็นการเย็บ 3 จุด เหมาะสำหรับคนไข้ที่ไม่ได้มีหนังตาเกิน และมีปัญหาค่อนข้างน้อย ข้อดีคือ ใช้การเย็บเพื่อทำให้เกิดช้ั้นตาโดยไม่ต้องกรีดแผล จึงมีแผลน้อย ฟื้นตัวเร็ว แต่อาจจะมีปัญหาตามมาได้มากกว่าวิธีอื่น เช่น ไหมหลุดก่อนกำหนด การแพ้ไหมที่เย็บ เป็นต้น

2.วิธีกรีดแผลสั้น (short incision)
เทคนิคนี้ นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ทำโดยการกรีดแผลเล็ก ๆ ประมาณ 1 cm บริเวณเปลือกตา แล้วเย็บกล้ามเนื้อด้านใน เหมาะสำหรับคนที่ อายุไม่มาก ไม่มีหนังตาส่วนเกิน ข้อดีคือ แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และยุบบวมได้เร็วกว่า เมื่อเทียบกับการเปิดแผลยาว และผลอยู่ได้ถาวรมากกว่าวิธีเย็บ

3.วิธีกรีดแผลยาว (standard incision)
วิธีนี้ ทำได้ในคนไข้ทุกคน เหมาะกับคนที่มีปัญหาหนังตาเกิน ไม่เหมาะกับการกรีดแผลเล็ก หรือต้องการเส้นตาที่ชัด สามารถทำไปพร้อมกับการแก้กล้ามเนื้อตาตกหรือยกคิ้ว วิธีนี้ได้ผลลัพธ์ดี แต่จะมีอาการบวม ช้ำนานกว่า ต้องพักฟื้นนานกว่า 2 วิธีแรก

ข้อควรรู้และการเตรียมตัวก่อนทำตาสองชั้น
-ตรวจเช็คเกี่ยวกับโรคประจำตัว
-หยุดอาหารเสริมประมาณ 3 สัปดาห์ เนื่องด้วยอาหารเสริมบางอย่างอาจจะมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
-การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
-ไม่ต้องนอนพักฟื้น
-มาพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คและตัดไหมหลังจากการผ่าตัด 7 วัน หลังตัดไหมสามารถแต่งตาได้ตามปกติ
-จะเริ่มยุบบวมใน 1-2 สัปดาห์
-เข้าที่ภายเวลา 3 เดือน

ความสวยงามของดวงตามีความสำคัญมาก ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ หากคุณสนใจวิธีศัลยกรรมตาสองชั้นแนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แพทย์เป็นผู้ประเมินวิธีทำตาสองชั้น ว่าเหมาะกับเทคนิคแบบไหนที่เข้ากับรูปหน้าของตนเอง อิสสวีร์คลินิกมีบริการทำศัลยกรรมตาสองชั้น โดยคุณหมอนุ่น แพทย์หญิงวรางคณา ตันอารีย์ อาจารย์แพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะทาง ราคาเพียง 25,000 บาทเท่านั้น ทั้งที่ทั้งนั้นสามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ฟรีนะคะ

ประกันชีวิตควรเริ่มซื้อตั้งแต่อายุเท่าไหร่

การซื้อประกันชีวิตนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และวัตถุประสงค์ของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตามซื้อประกันชีวิตตามช่วงอายุอาจมีประโยชน์มาก แต่ละช่วงอายุมีปัจจัยเสี่ยงที่ต่างกัน เช่น ประวัติการเจ็บป่วยหรือสุขภาพที่ไม่ดี ทำให้เบี้ยประกันอาจถูกนำมาคำนวณเป็นเบี้ยที่ต่ำกว่า

ถือว่าอายุประมาณตั้งแต่ 20 ถึง 30 ปีเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการเริ่มซื้อประกันชีวิต ซึ่งในช่วงนี้คุณยังอาจมีความต้องการเงินที่มากขึ้น เช่น เมื่อมีบุตร หรือกำลังจะซื้อบ้านหรือรถ การซื้อประกันชีวิตในอายุนี้จะช่วยให้คุณได้รับการคุ้มครองทางการเงินในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น การเสียชีวิตหรือการพิการที่ทำให้ไม่สามารถทำงานได้

อย่างไรก็ตามการตัดสินใจซื้อประกันชีวิตยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์และวัตถุประสงค์ของแต่ละบุคคล ควรพิจารณาความต้องการและสภาพการเงินของคุณเอง การปรึกษากับที่ปรึกษาการเงินหรือนักประกันชีวิตอาจเป็นประโยชน์อีกด้วย เพื่อให้คุณทำการวางแผนการเงินในอนาคตได้อีกด้วย

ประกันชีวิตตามอายุ

ประกันชีวิตมีหลายประเภทและแบบต่าง ๆ ซึ่งอาจมีอายุสำหรับการเข้ารับประกันที่แตกต่างกันไป ต่อไปนี้คือตัวอย่างของอายุที่เหมาะสมสำหรับการซื้อประกันชีวิตแบบต่าง ๆ แต่อายุที่แนะนำอาจแตกต่างขึ้นอยู่กับบริษัทประกันและแผนประกันที่คุณสนใจ

• ประกันสุขภาพ & ประกันอุบัติเหตุ : วัยเด็กอายุ 0 – 20 ปี สำหรับเด็กๆ อาจจะไม่ใช่วัยที่เริ่มมองหาการทำประกันเอง แต่เป็นผู้ปกครองที่จัดการให้ วัยนี้เหมาะกับการทำประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุเอาไว้ เพราะภูมิคุ้มกันต่ำ เบี้ยประกันสุขภาพในวัยเด็กจะค่อยข้างสูง แต่คุ้มค่าที่พ่อแม่จะทำไว้ให้ลูกเพื่อช่วยค่ารักพยาบาลหากเจ็บป่วย

ประกันชีวิตประเภทชีวิตคู่หรือส่วนแบ่งผลประโยชน์: สำหรับคู่สมรสหรือคนที่มีรายได้ร่วมกัน, อายุที่เหมาะสมอาจอยู่ระหว่าง 25-35 ปี เนื่องจากอยู่ในช่วงทำงานและมีความต้องการการคุ้มครองสำหรับคู่สมรสและบุตรได้ในช่วงนี้

ประกันชีวิตแบบครอบครัว: การซื้อประกันชีวิตสำหรับครอบครัวสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วัยเยาว์ แต่มากที่สุดอยู่ระหว่าง 25-35 ปี เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองสำหรับคู่สมรสและบุตรที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

• ประกันชีวิตสำหรับการเงินเพื่อการเลี้ยงชีพหลังเกษียณ: หากคุณสนใจในการสร้างก้อนทุนเพื่อการเลี้ยงชีพหลังเกษียณ, อายุที่เหมาะสมในการเริ่มต้นการซื้อประกันชีวิตแบบนี้อยู่ระหว่าง 30-40 ปี เพื่อวางแผนชีวิตในวัยเกษียณ

หากคุณกำลังเริ่มสนใจทำประกันชีวิต เริ่มต้นด้วยความพร้อม มีการวางแผนชีวิต วางแผนการเงินให้ตัวเองและครอบครัวอ การซื้อประกันเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่ง เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตในแต่ละช่วงวัย ซึ่งแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ลองวางแผนและเลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันชีวิตได้ที่ https://www.kwilife.com/

Digital Marketing and Video Production Bangkok Thailand The Role of Photography in Digital Marketing

Photographs can be a great way to help market your product. If you are working with Digital District in doing digital marketing in Bangkok or anywhere else in the world, you will definitely want to consider having photography in your overall marketing strategy. It will help to know some of the ways in which photography can be beneficial, as it will allow you to know what you may expect if you use photography in your digital marketing.

Continue reading “Digital Marketing and Video Production Bangkok Thailand The Role of Photography in Digital Marketing”

ศูนย์ทันตกรรมทำฟันให้ดูดีที่ PMDC

ในปัจจุบันนี้คนเราให้ความใส่ใจเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองเป็นอย่างโดยเฉพาะสุขภาพที่ทำให้ตัวเองดูดีจากภายนอกเช่น การออกกำลังกาย การดูแลผิวพันธุ์ สุขภาพฟันและช่องปากก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนเรานั้นต้องให้ความใส่ใจ เพราะกลิ่นปากที่เกิดจากการไม่ดูแลสุขภาพฟันและการไม่ดูแลเอาใจใส่นั้น ทำให้เกิดกลิ่นปากได้และสิ่งที่ตามมาก็คือการขาดความมั่นใจในการพูดคุยของคุณเอง จากนั้นคุณก็ต้องควรที่จะหาคำปรึกษาจากศูนย์ทันตกรรม หรือคลินิกทำฟันที่สามารถให้การรักษาหรือให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพฟันได้เป็นอย่างดี การทำฟันหรือการพบทันตกรรมบ่อยๆ นั้นจะช่วยให้คุณได้รู้ถึงอาการของฟันของตัวเองเพื่อที่จะรับการรักษาหรือรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดมันคืออะไร และจะได้รักษาได้ทันถ่วงที

Continue reading “ศูนย์ทันตกรรมทำฟันให้ดูดีที่ PMDC”

What You Need to Know About Company Registration Thailand

To make the whole process of company registration in Thailand easier, working with a lawyer is advised. Setting up a business in Thailand can be complex and take weeks due to the forms and documents being in Thai as well as the registration procedures. Having someone who can communicate in Thai for you will make everything less stressful for you. He should be able to handle all the legal points of establishing a business in Thailand. A licensed lawyer must be capable of giving you important pieces of advice about registering a business in the country. Reading reviews about the lawyer you are interested in can help you decide whether getting their service is really worth it or not.

Continue reading “What You Need to Know About Company Registration Thailand”

Thailand Legal Services by Tila Legal

Registering a company in Thailand, if you are a foreigner, can be an expensive and difficult process if you are unsure of how the system works and what is required. You may find yourself confused with all the documentation required such as setting up the correct type of bank account or even registering the company and its VAT status. But help is at hand thanks to Tila Legal, an experienced law firm who is specialised in Thailand company registration and everything from accounting and visa services.

Continue reading “Thailand Legal Services by Tila Legal”