แก้ปัญหาตาไม่เท่ากัน ด้วยศัลยกรรมตาสองชั้น

ปัญหาเกี่ยวกับตาสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย ตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน การทำตาสองชั้นก็เป็นอีกตัวช่วยตัวช่วยที่แก้ปัญหาได้ ศัลยกรรมตาสองชั้นเป็นกระแสที่ไม่เคยตกเทรนด์ ในทุกวันนี้ก็มีเทคนิคใหม่ๆ ที่ช่วยให้แก้ปัญหาของชั้นตาได้

เทคนิคทำตาสองชั้น ที่นิยมในคนไทย
เทคนิค ทำตาถึงแม้จะมีหลายชื่อ ที่ทำให้สับสน แต่จริง ๆ แล้วก็มี 3 วิธีหลัก ๆ เท่านั้นเองค่ะ ที่นิยมทำในคนไทย

1.วิธีเย็บ (suturing technique)
วิธีนี้เป็นการเย็บ 3 จุด เหมาะสำหรับคนไข้ที่ไม่ได้มีหนังตาเกิน และมีปัญหาค่อนข้างน้อย ข้อดีคือ ใช้การเย็บเพื่อทำให้เกิดช้ั้นตาโดยไม่ต้องกรีดแผล จึงมีแผลน้อย ฟื้นตัวเร็ว แต่อาจจะมีปัญหาตามมาได้มากกว่าวิธีอื่น เช่น ไหมหลุดก่อนกำหนด การแพ้ไหมที่เย็บ เป็นต้น

2.วิธีกรีดแผลสั้น (short incision)
เทคนิคนี้ นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ทำโดยการกรีดแผลเล็ก ๆ ประมาณ 1 cm บริเวณเปลือกตา แล้วเย็บกล้ามเนื้อด้านใน เหมาะสำหรับคนที่ อายุไม่มาก ไม่มีหนังตาส่วนเกิน ข้อดีคือ แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และยุบบวมได้เร็วกว่า เมื่อเทียบกับการเปิดแผลยาว และผลอยู่ได้ถาวรมากกว่าวิธีเย็บ

3.วิธีกรีดแผลยาว (standard incision)
วิธีนี้ ทำได้ในคนไข้ทุกคน เหมาะกับคนที่มีปัญหาหนังตาเกิน ไม่เหมาะกับการกรีดแผลเล็ก หรือต้องการเส้นตาที่ชัด สามารถทำไปพร้อมกับการแก้กล้ามเนื้อตาตกหรือยกคิ้ว วิธีนี้ได้ผลลัพธ์ดี แต่จะมีอาการบวม ช้ำนานกว่า ต้องพักฟื้นนานกว่า 2 วิธีแรก

ข้อควรรู้และการเตรียมตัวก่อนทำตาสองชั้น
-ตรวจเช็คเกี่ยวกับโรคประจำตัว
-หยุดอาหารเสริมประมาณ 3 สัปดาห์ เนื่องด้วยอาหารเสริมบางอย่างอาจจะมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
-การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
-ไม่ต้องนอนพักฟื้น
-มาพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คและตัดไหมหลังจากการผ่าตัด 7 วัน หลังตัดไหมสามารถแต่งตาได้ตามปกติ
-จะเริ่มยุบบวมใน 1-2 สัปดาห์
-เข้าที่ภายเวลา 3 เดือน

ความสวยงามของดวงตามีความสำคัญมาก ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ หากคุณสนใจวิธีศัลยกรรมตาสองชั้นแนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แพทย์เป็นผู้ประเมินวิธีทำตาสองชั้น ว่าเหมาะกับเทคนิคแบบไหนที่เข้ากับรูปหน้าของตนเอง อิสสวีร์คลินิกมีบริการทำศัลยกรรมตาสองชั้น โดยคุณหมอนุ่น แพทย์หญิงวรางคณา ตันอารีย์ อาจารย์แพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะทาง ราคาเพียง 25,000 บาทเท่านั้น ทั้งที่ทั้งนั้นสามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ฟรีนะคะ

ประกันชีวิตควรเริ่มซื้อตั้งแต่อายุเท่าไหร่

การซื้อประกันชีวิตนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และวัตถุประสงค์ของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตามซื้อประกันชีวิตตามช่วงอายุอาจมีประโยชน์มาก แต่ละช่วงอายุมีปัจจัยเสี่ยงที่ต่างกัน เช่น ประวัติการเจ็บป่วยหรือสุขภาพที่ไม่ดี ทำให้เบี้ยประกันอาจถูกนำมาคำนวณเป็นเบี้ยที่ต่ำกว่า

ถือว่าอายุประมาณตั้งแต่ 20 ถึง 30 ปีเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการเริ่มซื้อประกันชีวิต ซึ่งในช่วงนี้คุณยังอาจมีความต้องการเงินที่มากขึ้น เช่น เมื่อมีบุตร หรือกำลังจะซื้อบ้านหรือรถ การซื้อประกันชีวิตในอายุนี้จะช่วยให้คุณได้รับการคุ้มครองทางการเงินในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น การเสียชีวิตหรือการพิการที่ทำให้ไม่สามารถทำงานได้

อย่างไรก็ตามการตัดสินใจซื้อประกันชีวิตยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์และวัตถุประสงค์ของแต่ละบุคคล ควรพิจารณาความต้องการและสภาพการเงินของคุณเอง การปรึกษากับที่ปรึกษาการเงินหรือนักประกันชีวิตอาจเป็นประโยชน์อีกด้วย เพื่อให้คุณทำการวางแผนการเงินในอนาคตได้อีกด้วย

ประกันชีวิตตามอายุ

ประกันชีวิตมีหลายประเภทและแบบต่าง ๆ ซึ่งอาจมีอายุสำหรับการเข้ารับประกันที่แตกต่างกันไป ต่อไปนี้คือตัวอย่างของอายุที่เหมาะสมสำหรับการซื้อประกันชีวิตแบบต่าง ๆ แต่อายุที่แนะนำอาจแตกต่างขึ้นอยู่กับบริษัทประกันและแผนประกันที่คุณสนใจ

• ประกันสุขภาพ & ประกันอุบัติเหตุ : วัยเด็กอายุ 0 – 20 ปี สำหรับเด็กๆ อาจจะไม่ใช่วัยที่เริ่มมองหาการทำประกันเอง แต่เป็นผู้ปกครองที่จัดการให้ วัยนี้เหมาะกับการทำประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุเอาไว้ เพราะภูมิคุ้มกันต่ำ เบี้ยประกันสุขภาพในวัยเด็กจะค่อยข้างสูง แต่คุ้มค่าที่พ่อแม่จะทำไว้ให้ลูกเพื่อช่วยค่ารักพยาบาลหากเจ็บป่วย

ประกันชีวิตประเภทชีวิตคู่หรือส่วนแบ่งผลประโยชน์: สำหรับคู่สมรสหรือคนที่มีรายได้ร่วมกัน, อายุที่เหมาะสมอาจอยู่ระหว่าง 25-35 ปี เนื่องจากอยู่ในช่วงทำงานและมีความต้องการการคุ้มครองสำหรับคู่สมรสและบุตรได้ในช่วงนี้

ประกันชีวิตแบบครอบครัว: การซื้อประกันชีวิตสำหรับครอบครัวสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วัยเยาว์ แต่มากที่สุดอยู่ระหว่าง 25-35 ปี เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองสำหรับคู่สมรสและบุตรที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

• ประกันชีวิตสำหรับการเงินเพื่อการเลี้ยงชีพหลังเกษียณ: หากคุณสนใจในการสร้างก้อนทุนเพื่อการเลี้ยงชีพหลังเกษียณ, อายุที่เหมาะสมในการเริ่มต้นการซื้อประกันชีวิตแบบนี้อยู่ระหว่าง 30-40 ปี เพื่อวางแผนชีวิตในวัยเกษียณ

หากคุณกำลังเริ่มสนใจทำประกันชีวิต เริ่มต้นด้วยความพร้อม มีการวางแผนชีวิต วางแผนการเงินให้ตัวเองและครอบครัวอ การซื้อประกันเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่ง เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตในแต่ละช่วงวัย ซึ่งแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ลองวางแผนและเลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันชีวิตได้ที่ https://www.kwilife.com/