วิเคราะห์ ราคาทองรูปพรรณ โค้งสุดท้ายปี 2025 ควรซื้อตุน หรือรอปีหน้า?

เมื่อเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 บรรยากาศแห่งการจับจ่ายและการวางแผนการเงินเริ่มคึกคักขึ้นอีกครั้ง คำถามสำคัญที่อยู่ในใจของนักลงทุนและผู้ที่ชื่นชอบทองคำคือ “นี่ใช่จังหวะที่ดีที่สุดในการซื้อทองหรือยัง?” ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน
บทความนี้จะพาคุณไปวิเคราะห์ปัจจัยที่สำคัญ เพื่อหาคำตอบว่าในโค้งสุดท้ายของปีนี้ เราควรซื้อตุนหรือรอไปก่อนค่ะ

ปัจจัยบวก: แรงหนุนที่อาจผลักดันราคาทองคำ
ในช่วงปลายปีนี้ มีปัจจัยสนับสนุนหลายอย่างที่อาจทำให้ ราคาทองรูปพรรณ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
1. นโยบายดอกเบี้ยขาลงของ Fed: จากข้อมูลล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว และมีแนวโน้มที่จะปรับลดอีกในช่วงที่เหลือของปี การลดดอกเบี้ยจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งทำให้ทองคำน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนทั่วโลก และมักจะส่งผลให้ราคาทองสูงขึ้น
2. ความต้องการสูงตามฤดูกาล: ไตรมาส 4 ถือเป็นช่วงไฮซีซั่น ของการซื้อทองคำจริงทั่วโลก ตั้งแต่เทศกาลดิวาลีในอินเดีย ต่อเนื่องไปจนถึงคริสต์มาสและปีใหม่ในฝั่งตะวันตก รวมถึงการเตรียมซื้อสำหรับเทศกาลตรุษจีนในเอเชีย ความต้องการ ทองรูปพรรณ เพื่อเป็นของขวัญและเครื่องประดับที่เพิ่มขึ้นนี้ เป็นแรงซื้อสำคัญในตลาด
3. ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก: สถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่ ประกอบกับความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยในบางประเทศ ทำให้นักลงทุนมองหาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อกระจายความเสี่ยง

ปัจจัยลบ: ความเสี่ยงที่ต้องจับตา
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงบางประการที่อาจกดดันราคาทองได้เช่นกัน
1. Fed อาจไม่ลดดอกเบี้ยตามคาด: หากตัวเลขเงินเฟ้อกลับมาสูงขึ้นอย่างไม่คาดคิด อาจทำให้ Fed ต้องชะลอการลดดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลลบต่อราคาทองได้
2. การแข็งค่าของเงินบาท: สำหรับนักลงทุนในไทย หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ก็อาจทำให้ ราคาทองรูปพรรณ ในประเทศไม่ได้ปรับขึ้นมากนัก แม้ว่าราคาในตลาดโลกจะสูงขึ้นก็ตาม

ควรซื้อตุน หรือ รอปีหน้า?
เมื่อพิจารณาจากปัจจัยโดยรวมแล้ว แนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวยังคงดูเป็นบวก แต่ในระยะสั้นอาจมีความผันผวนสูงค่ะ
สำหรับนักลงทุนระยะยาว: ช่วงปลายปีนี้อาจเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยซื้อสะสม โดยเฉพาะเมื่อราคาย่อตัวลง ไม่จำเป็นต้องพยายามหาจุดต่ำสุด แต่ให้เน้นการเฉลี่ยต้นทุน (DCA)
สำหรับผู้ที่รอโบนัส: หากคุณมีแผนจะใช้เงินโบนัสซื้อทอง อาจพิจารณาแบ่งไม้เข้าซื้อ เป็น 2-3 ส่วนตลอดไตรมาส เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา

โดยสรุป โค้งสุดท้ายของปี 2025 เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจและมีโอกาสในการเข้าซื้อ ทองรูปพรรณ เพื่อการลงทุนระยะยาว การตัดสินใจที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความพร้อมของแต่ละบุคคล แต่การเริ่มต้นวางแผนตั้งแต่วันนี้ คือก้าวแรกสู่ความมั่งคั่งอย่างแน่นอนค่ะ

อะไรที่ส่งผลต่อราคาทองรูปพรรณที่คุณต้องรู้ก่อนซื้อ

ทองคำสีเหลืองเงางามที่ไม่ได้มีดีเพียงความสวยงามแต่ยังเป็นแร่ที่มีมูลค่าในตัวเองและเป็นที่ยอมรับในตลาดการลงทุนว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่เหมาะแก่การลงทุน นอกจากนี้ยังสามารถนำมาทำเป็นเครื่องประดับซึ่งเรียกกันว่า ทองรูปพรรณ เพื่อสวมใส่และยังเป็นการลงทุนไปในตัวอีกด้วย แต่อะไรที่จะส่งผลต่อราคาทองรูปพรรณที่คุณควรทราบก่อนลงทุน สามารถอ่านได้ที่นี่ ตามมาดูกันเลยค่ะ

ความบริสุทธิ์ของทองคำ

กะรัตแสดงด้วยตัวเลขตามด้วย “K” บ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ของทองคำ ซึ่งทอง 24K ถือว่าบริสุทธิ์ ในขณะที่ค่ากะรัตที่ต่ำกว่าบ่งบอกว่ามีโลหะผสม ยิ่งกะรัตสูง ทองคำก็จะยิ่งบริสุทธิ์และมีคุณค่ามากขึ้น แต่ก็จะมีความอ่อนตัวมากไม่เหมาะกับนำมาทำเป็นทองรูปพรรณ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อราคาทองรูปพรรณ

น้ำหนักทองคำ

น้ำหนักของทองคำเป็นปัจจัยพื้นฐานในการกำหนดต้นทุน ร้านทองมักจะคิดราคาทองรูปพรรณเป็นทองต่อกรัม และชิ้นที่หนักกว่าก็จะมีราคาสูงกว่า

ราคาทองคำในตลาด

ตลาดทองคำทั่วโลกมีบทบาทสำคัญในการสร้างพื้นฐานสำหรับราคาทองรูปพรรณ ซึ่งความผันผวนของราคาทองคำเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือความต้องการของตลาด ส่งผลโดยตรงต่อราคาทองรูปพรรณ

การออกแบบและงานฝีมือ

ความซับซ้อนของการออกแบบและระดับของงานฝีมือมีส่วนสำคัญต่อราคาทองรูปพรรณ ผลงานทำมือหรือออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์มักมีราคาสูงกว่า ซึ่งสะท้อนถึงทักษะและศิลปะที่ลงทุนในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนั้นขึ้นมา

การเพิ่มอัญมณีอื่นๆ เข้าไป

หากทองรูปพรรณมีการเพิ่มอัญมณีรวมอยู่ด้วย คุณภาพ ความหายาก และขนาดจะส่งผลต่อราคาทองรูปพรรณ โดยอัญมณีที่มักจะเพิ่มเข้าไปในทองรูปพรรณมักจะเป็น เพชร แซฟไฟร์ หรือทับทิม มีส่วนทำให้ทองรูปพรรณดูหรูหราและมีคุณค่ากว่าเดิม

ต้นทุนแรงงาน

ต้นทุนแรงงาน รวมถึงค่าจ้างสำหรับช่างฝีมือผู้ชำนาญและค่าใช้จ่ายการผลิตอื่นๆ ถือเป็นปัจจัยในราคาสุดท้าย ซึ่งส่งผลต่อราคาทองรูปพรรณ เรียกว่า ค่ากำเหน็จ

ภาวะเศรษฐกิจ

ภาวะเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และมูลค่าสกุลเงินมีอิทธิพลต่อราคาทองรูปพรรณได้ ในช่วงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอาจเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาสูงขึ้น

ราคาทองรูปพรรณนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่ซับซ้อน ตั้งแต่คุณภาพของทองคำไปจนถึงกลไกของตลาดภายนอกและงานฝีมือ การทำความเข้าใจอิทธิพลเหล่านี้ที่ส่งผลต่อราคาทองช่วยให้คุณมีข้อมูลในการตัดสินใจเมื่อต้องการซื้อทองรูปพรรณ

ขายทองรูปพรรณทั้งที ควรรู้เรื่องอะไรบ้าง

อยากนำทองรูปพรรณที่มีอยู่ไปขายเพื่อเก็งกำไร ควรศึกษาข้อมูลก่อนหากไม่อยากถูกกดราคา วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลการขายทองรูปพรรณมาไว้ให้คุณแล้ว จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย

1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทอง

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับประเภทของทองก่อน ว่าทองแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งทองมี 2 ประเภท ได้แก่ ทองคำแท่งและทองรูปพรรณ

ทองคำแท่ง

ทองคำแท่งคือทองที่ผลิตในรูปแท่งหรือเม็ดก้อนที่มีความบริสุทธิ์สูง และไม่มีการเพิ่มส่วนผสมของโลหะอื่นๆ ทองคำแท่งมักจะมีลายบนซึ่งบ่งบอกถึงน้ำหนักและความบริสุทธิ์ของทองคำ โดยทั่วไปในประเทศไทยความบริสุทธิ์ของทองจะเป็น 96.5 % เนื่องจากมีความแข็งแรงมากกว่าทองบริสุทธิ์ 99.99%

โดยทางร้านทองจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบล็อก แต่หากยิ่งซื้อเยอะก็จะไม่คิดค่าบล็อก ทองคำแท่งเป็นทรัพย์สินที่นิยมในการลงทุนหรือเก็บรักษาค่ามูลค่า มักถูกซื้อขายในตลาดทองคำและสถาบันการเงิน

ทองรูปพรรณ

ทองรูปพรรณคือทองที่ถูกนำมาหลอมและออกแบบใหม่ในรูปของเครื่องประดับ  เช่น แหวนทองคำ สร้อยคอทองคำ ต่างหูทองคำ เป็นต้น ทองรูปพรรณมักมีความบริสุทธิ์ต่ำกว่าทองคำแท่ง เหมาะกับการนำมาใส่เป็นเครื่องประดับมากกว่า หากเบื่อเมื่อไหร่ก็สามารถนำไปขายได้ แต่จากการใส่บ่อยๆ หากรักษาไม่ดี อาจทำให้ทองไม่เงางาม เนื้อทองเสื้อหายและน้ำหนักทองขายไป อีกทั้งมีค่ากำเหน็จที่สูงกว่า จึงขายได้ราคาต่ำกว่าทองคำแท่ง

ทองรูปพรรณมีความหลากหลายในรูปแบบและดีไซน์ ผู้ผลิตทองรูปพรรณมักให้ความสำคัญกับความสวยงามและความซับซ้อนของงานประดับ ซึ่งทำให้ทองรูปพรรณเป็นที่นิยมในการใช้งานและให้เป็นของขวัญมากกว่า

2. ตราทองที่มีโลโก้หรือตราสัญลักษณ์ร้านทอง

เพื่อเป็นการการันตีความน่าเชื่อถือของทอง การมีตราโลโก้ของร้านทอง แหล่งผลิต และเปอร์เซ็นต์ทองจะสามารถนำไปขายได้ง่ายกว่า แต่หากขายทองรูปพรรณอาจจะดูยาก เพราะมีขนาดเล็กต้องใช้แว่นขยายส่อง

3. ทองมีน้ำหนักครบ

น้ำหนักทองเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดราคาทองรูปพรรณและทองคำแท่ง หากทองที่นำไปขายมีความเสียหาย เช่น แหวนบุบ ตะขอหัก ใส่ตลอดโดยไม่มีการถอด อาจทำให้น้ำหนักทองหาย และคุณจะได้ราคาตามน้ำหนักที่นำมาขายคืนให้ร้านทองนั่นเอง

4. เช็คราคาก่อนขายทอง

ก่อนขายทองควรเช็คราคาทองรูปพรรณและทองคำแท่งจากสมาคมค้าทองคำก่อนเสมอ เพื่อให้ได้ราคาที่ตรงตามราคาจริง ไม่ถูกกดราคา หรือจะเช็คจากเว็บไซต์อื่นๆที่มีความน่าเชื่อถือ

การขายทองรูปพรรณและทองคำแท่งเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง ซึ่งมีความเสี่ยง สำหรับใครที่ต้องการขายทองรูปพรรณและทองคำแท่ง อย่าลืมที่จะศึกษาข้อมูลของการขายก่อนที่จะไปที่ร้านตามที่เราได้รวบรวมมาให้กันนะคะ